การเจรจาสันติภาพจะพาดัชนีหุ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งหรือไม่? 

2025-06-27 | ข้อตกลงสันติภาพ , ความขัดแย้งอิหร่าน–อิสราเอล , ทรัมป์ , ทองคำ , น้ำมัน , ภาพรวมตลาด , หุ้น

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทั่วโลกต่างเตรียมรับมือกับสถานการณ์เลวร้าย น้ำมันพุ่งแรง ทองคำทะยาน พาดหัวข่าวเต็มไปด้วยความตึงเครียดว่าอาจเกิดสงคราม แต่ในแบบฉบับของตลาดการเงิน ทุกอย่างกลับพลิกอย่างรวดเร็ว 

ตอนนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวว่าทรัมป์กำลังผลักดันข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล (ซึ่งเราคาดการณ์ไว้ในบทความสัปดาห์ก่อน) บรรยากาศในตลาดเริ่มเปลี่ยน ความกังวลต่อความเสี่ยงสงครามเริ่มคลี่คลาย ราคาน้ำมันเริ่มย่อตัว สินทรัพย์ปลอดภัยเริ่มเย็นลง ขณะที่ตลาดหุ้นเริ่มกลับมาฟื้นตัว 

คำถามสำคัญในตอนนี้คือ: การเจรจาสันติภาพครั้งนี้ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งหรือไม่? 

มาหาคำตอบกัน 

ตลาดไม่ชอบความไม่แน่นอน พาดหัวข่าวสงครามคือความไม่แน่นอนขั้นสุด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหุ้นถึงแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เมื่อการเจรจาสันติภาพเริ่มมีแรงส่ง เส้นทางใหม่ก็กำลังเปิดขึ้น 

ตอนนี้จุดโฟกัสไม่ใช่คำถามว่า “สงครามจะปะทุหรือไม่?” อีกต่อไป แต่มันกำลังเปลี่ยนเป็น “เฟดจะลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่?” 

นั่นคือกุญแจสำคัญ เพราะยิ่งเฟดลดดอกเบี้ยเร็วเท่าไหร่ ตลาดหุ้นก็ยิ่งมีโอกาสไปได้แรงเท่านั้น 

ข้อตกลงหยุดยิงที่น่าเชื่อถือสามารถดึงแรงกดดันมหาศาลออกจากระบบได้: 

  • ราคาน้ำมันอาจทรงตัวต่ำกว่า $70 
  • ความกังวลด้านเงินเฟ้ออาจบรรเทาลง 
  • เฟดอาจมีพื้นที่ในการเปลี่ยนท่าทีได้เร็วขึ้น 
  • ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจอาจฟื้นตัว 

พูดง่ายๆ คือ ข้อตกลงสันติภาพอาจปูทางให้เกิดการรีบาวด์ในตลาดหุ้นวงกว้าง S&P 500 กำลังเข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบล่าสุด ขณะที่ Nasdaq ยังคงแข็งแกร่ง เมื่อความเสี่ยงจากสงครามลดลง บรรดานักลงทุนฝั่งกระทิงอาจเข้าควบคุมเกมได้ 

ทรัมป์ไม่เคยปิดบังว่าเขาต้องการดอกเบี้ยต่ำ เขาเคยโจมตีพาวเวลล์ในที่สาธารณะว่าเดินเกมช้าเกินไป 

ในอีกด้าน พาวเวลล์กำลังเดินบนเส้นด้าย การสิ้นสุดสงครามทำให้เขาขยับไปสู่การลดดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ภาษีนำเข้าชุดใหม่ของทรัมป์และแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังค้างอยู่ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อเส้นทางข้างหน้า ตอนนี้ตลาดรอจับตาดูว่าเขาจะลงมือเมื่อใด 

ยิ่งลดดอกเบี้ยเร็วเท่าไหร่ ตลาดก็จะมีแรงส่งมากขึ้นเท่านั้น 

ในเชิงเทคนิค ขณะนี้หุ้นสหรัฐกำลังอยู่ในท่าที่พร้อมจะเบรกทะลุ 

ดัชนี S&P 500 กำลังเคลื่อนไหวอยู่ใต้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และดูเหมือนพร้อมจะทะลุขึ้นไปได้ทุกเมื่อ 

ดัชนีความผันผวน (VIX) กำลังลดลงต่ำกว่า 20 ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับตลาดหุ้น 

เมื่อรวมกับพาดหัวข่าวเรื่องสันติภาพ และความเป็นไปได้ที่พาวเวลล์จะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น ก็เหมือนเติมเชื้อเพลิงให้กับการทำจุดสูงสุดใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

ในอดีต ตลาดชอบการเปลี่ยนผ่านสู่สันติภาพเสมอ ทุกครั้งที่ความกลัวด้านภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลาย เม็ดเงินลงทุนจะหมุนกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอย่างรวดเร็ว 

หากการเจรจาสันติภาพยังคงเดินหน้า นี่คือกลุ่มหุ้นที่ควรพิจารณา: 

ลองมองภาพรวมกัน: 

  • เฟดจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ 
  • ข้อตกลงสันติภาพจะลบความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อสำคัญออกไป 
  • ทรัมป์ยังคงกดดันให้พาวเวลล์ลดดอกเบี้ย 
  • ตลาดชอบสองสิ่งนี้: ดอกเบี้ยขาลง และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลง 

เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้ว: ตลาดหุ้นอาจอยู่ในช่วงใกล้ทะลุแนวต้านสำคัญก็เป็นได้ 

ตอนนี้ตลาดกำลังเปลี่ยนแปลง เรื่องเล่าหลักของตลาดไม่ใช่ “เราจะเข้าสู่สงครามไหม?” อีกต่อไป 

แต่กลายเป็นว่า: 

“พาวเวลล์จะลดดอกเบี้ยเร็วพอที่จะดันหุ้นขึ้นจุดสูงสุดใหม่หรือไม่?” 

การเจรจาสันติภาพกำลังสร้างแรงส่งให้ฝั่งขาขึ้น หากเฟดสามารถลดดอกเบี้ยได้ภายในฤดูร้อนนี้ เราอาจได้เห็น S&P 500 หรือแม้แต่ตลาดทั่วโลก พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ 

เช่นเคย ปรับตัวให้ไวตามสถานการณ์ อ่านข่าวเกาะติดเฟด และเทรดตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่ตามสิ่งที่คุณคิดว่า “ควรจะเกิด” 


การเปิดเผยความเสี่ยง 
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น    
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ   
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต D Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว  
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ D Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง 

วิเคราะห์ตลาดเชิงลึกIconBrandElement

article-thumbnail

2025-08-15 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ค่าเงินดอลลาร์จะยังคงร่วงต่อในปี 2025 หรือไม่? เจาะลึกแนวโน้มสำคัญ 

การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ทำให้หลายฝ่ายประหลาดใจ ดัชนีดอลลาร์ (DXY) บันทึกการร่วงลงในช่วงครึ่งปีแรกมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1973 โดยดิ่งลงอย่างรุนแรงก่อนจะดีดตัวขึ้นในเดือนกรกฎาคม แม้การฟื้นตัวนั้นจะช่วยชดเชยบางส่วนที่สูญเสียไป แต่นักวิจัยจาก Morgan Stanley คาดว่าการอ่อนค่ายังไม่จบ และดอลลาร์อาจร่วงลงอีก 10% ภายในสิ้นปี 2026  แล้วอะไรคือเบื้องหลังการร่วงของดอลลาร์ในปี 2025? และมีความเป็นไปได้แค่ไหนที่จะกลับมาฟื้นตัว? มาค้นหาคำตอบกัน  สรุปภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ – ครึ่งปีแรกของปี 2025  ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2025 ดัชนี DXY ร่วงลงประมาณ 10.8% ซึ่งถือเป็นผลงานครึ่งปีแรกที่ย่ำแย่ที่สุด นับตั้งแต่การร่วงลง 14.8% เมื่อต้นปี 1973  นักวิเคราะห์ชี้ถึง 2 แรงกดดันสำคัญ:  ทั้งสองปัจจัยนี้ส่งผลกดดันอย่างหนักต่อค่าเงินดอลลาร์  ทำไมดอลลาร์อ่อนค่าลงในปี 2025  1. ภาษีและความไม่แน่นอนด้านนโยบาย บั่นทอนแรงหนุนของดอลลาร์  ท่าทีของทรัมป์ที่เปลี่ยนแปลงไปในเรื่องภาษีและการปฏิรูปภาษี สร้างแรงกดดันระยะยาวต่อค่าเงินดอลลาร์ มาตรการกีดกันทางการค้าไม่เพียงแต่สร้างความตึงเครียดในความสัมพันธ์ทางการค้าทั่วโลก แต่ยังทำลายความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกสหรัฐฯ  ความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายยังสร้างความกังวลให้นักลงทุน ลดความต้องการสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเป็นดอลลาร์ และยิ่งตอกย้ำแนวโน้มขาลงของค่าเงิน  2. […]

article-thumbnail

2025-07-31 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ–อียู มาแล้ว: แล้วจีนล่ะ จะตามมาหรือไม่? 

เมื่อทรัมป์และฟอน แดร์ ไลเอิน จับมือกันที่สกอตแลนด์ในวันที่ 27 กรกฎาคม มันไม่ใช่แค่ภาพที่สวยงามต่อหน้ากล้อง แต่มันคือจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่เป็นจริง  ข้อตกลงการค้าฉบับใหญ่ระหว่างอียูและสหรัฐฯ ถูกปิดดีล ภาษีถูกลดลง และตลาดก็หายใจได้ทั่วท้อง แต่ตอนนี้สปอร์ตไลต์กำลังหันไปที่จีนอย่างรวดเร็ว และทุกสายตากำลังจับจ้องอยู่  พวกเขาจะเป็นรายต่อไปที่เข้าร่วมดีลหรือไม่… หรือสงครามการค้ากำลังจะยืดเยื้อต่อไป?  ประเด็นสำคัญจากข้อตกลงการค้าระหว่างอียู–สหรัฐฯ  เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2025 สหรัฐฯ และอียูได้ตกลงกันในข้อตกลงที่จะกำหนด ภาษี 15% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่จากอียูที่เข้าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอัตราครึ่งหนึ่งจากที่เคยขู่กันไว้ และช่วยป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามต่อไป รายละเอียดสำคัญได้แก่:  ตลาดตอบรับอย่างดีที่สงครามการค้าถูกหลีกเลี่ยง ดัชนีฟิวเจอร์สของทั้งสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์บางส่วนเตือนว่าข้อตกลงนี้อาจเทน้ำหนักไปทางฝั่งสหรัฐฯ มากเกินไป  ทำไมข้อตกลงนี้จึงสำคัญต่อตลาด  สำหรับวอลล์สตรีท นี่ไม่ใช่แค่การจับมือธรรมดา แต่มันคือความโล่งใจ ตลาดให้ความสำคัญสูงสุดกับสิ่งหนึ่งคือ ความชัดเจน และนั่นคือสิ่งที่ข้อตกลงการค้าระหว่างอียู–สหรัฐฯ ฉบับนี้มอบให้  ดัชนีหุ้นหลายตัวกำลังเข้าใกล้จุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง และบรรยากาศ “รับความเสี่ยง” ก็กลับมาครองถนนอีกครั้ง แต่จุดที่ต้องระวังคือ แม้ภาษีใหม่จะดูเบากว่าการขู่ในอดีต แต่ก็ยังเพิ่มต้นทุนให้ผู้ส่งออกฝั่งยุโรป และอาจส่งผลถึงผู้บริโภคชาวอเมริกันด้วย  ผู้เล่นระดับโลกในอุตสาหกรรมรถยนต์ ยา และเซมิคอนดักเตอร์ ตอนนี้ต้องเล่นตามกฎใหม่ […]

article-thumbnail

2025-07-24 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

หุ้น AI แพงเกินไปแล้วหรือเพิ่งเริ่มต้นกันแน่? 

หุ้น AI กลายเป็นเป้าหมายหลักของตลาดมานานกว่าหนึ่งปี  จากการที่ Nvidia ทำสถิติแตะมูลค่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ ไปจนถึงการประกาศด้าน AI ครั้งใหญ่ของ Tesla ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาด นักลงทุนบน Wall Street ดูเหมือนจะยังไม่อิ่มตัว แม้แต่หุ้นอย่าง AMD และ IBM ที่เคยตามหลัง ก็ยังได้อานิสงส์จากกระแสนี้เช่นกัน  แต่คำถามที่นักลงทุนมือโปรเริ่มถามคือ: นี่คือจุดเริ่มต้นของยุค AI จริงๆ หรือเรากำลังเผชิญฟองสบู่แบบยุคดอทคอมอีกครั้ง?  เมื่อเรื่องราวในตลาดดังเกินไป และราคาขยับขึ้นแบบก้าวกระโดด ก็ถึงเวลาที่ต้องแยกแยะระหว่างความจริงกับกระแส  มาลองเจาะดูทั้งมุมมองฝั่งกระทิง ความกังวลเรื่องฟองสบู่ และสัญญาณที่นักเทรดทุกคนควรจับตาในตอนนี้  กระแสหุ้น AI ไม่ใช่เรื่องหลอก ต้องชัดเจนก่อนว่านี่ไม่ใช่ฟองสบู่แบบมีม AI ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่าเพื่อปั่นหุ้น เงินก้อนจริงๆ กำลังไหลเข้าสู่ตลาด  บริษัทยักษ์ใหญ่ใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์กับชิป ศูนย์ข้อมูล และจ้างวิศวกรกันเหมือนย้อนกลับไปปี 1999 แค่ Nvidia เพียงรายเดียวก็ทำรายได้จากศูนย์ข้อมูลกว่า 26,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ผ่านมา โตสามหลักเมื่อเทียบกับปีก่อน  นี่คือความต้องการที่มีอยู่จริง Microsoft กำลังปล่อย […]